หน้าแรก
ข่าวสารกองบริหารกายภาพฯ
ข่าวกิจกรรมกองบริหารกายภาพฯ
ข่าวงานกองบริหารกายภาพฯ
วีดีทัศน์กองบริหารกายภาพฯ
วีดีทัศน์ข่าวเกี่ยวกับกองบริหารกายภาพฯ
ระบบบริการของเรา
จองห้องประชุม
จองรถ
ฐานข้อมูลห้องเรียน
ค้นหาห้องเรียน
ค้นหาเบอร์ติดต่อภายใน
ส่วนงานกองบริหารกาพฯ
งานอนุรักษ์พลังงานฯ
งานสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ เชียงราย
เกี่ยวกับกองบริหารกายภาพฯ
ข้อมูลเกี่ยวกับหน่วยงาน
โครงสร้างหน่วยงาน
บุคลากรกองบริหารกายภาพฯ
ข้อมูลติดต่อ
ผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์
visitor
ผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์
เข้าสู่ระบบ
ข้อมูลพืชพรรณ
หน้าแรก
-
รายชื่อพืชพรรณ
ราชพฤกษ์
ชื่อวิทยาศาสตร์: Cassia fistula Linn.
ชื่อสามัญ: Golden shower, Indian laburnum, หรือ Pudding-pine tree.
วงศ์:
CAESALPINIACEAE
ชื่ออื่นๆ:
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์:
ต้นราชพฤกษ์ (ต้นคูน) เป็นพืชพื้นเมืองในแถบเอเชียใต้ ไล่ตั้งแต่ทางตอนใต้ของปากีสถานไปจนถึงอินเดีย พม่า และประเทศศรีลังกา โดยจัดเป็นพรรณไม้ขนาดกลาง มีลำต้นสีน้ำตาลแกมเทาเกลี้ยง มักขึ้นทั่วไปตามป่าผลัดใบ หรือในดินที่มีกานถ่ายเทน้ำดี ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ดแล้วย้ายกล้ามาปลูกในถุงเพาะชำ เมื่อโตพอแล้วก็ย้ายมาปลูกในพื้นที่ แต่ในปัจจุบันอาจจะใช้วิธีการทาบกิ่งและเสียบยอดก็ได้ แต่โอกาสสำเร็จจะน้อยกว่าวิธีการเพาะเมล็ด ใบราชพฤกษ์ (ใบคูน) ลักษณะของใบออกเป็นช่อ ใบสีเขียวเป็นมัน ช่อหนึ่งยาวประมาณ 2.5 เซนติเมตร และมีใบย่อยเป็นไข่หรือรูปป้อม ๆ ประมาณ 3-6 คู่ ใบย่อยมีความกว้างประมาณ 5-7 เซนติเมตร และยาวประมาณ 9-15 เซนติเมตร โคนใบมนและสอบไปทางปลายใบ เนื้อใบบางเกลี้ยง มีเส้นแขนงใบถี่ และโค้งไปตามรูปใบ ดอกราชพฤกษ์ (ดอกคูน) ออกดอกเป็นช่อ ยาวประมาณ 20-45 เซนติเมตร มีกลีบรองดอกรูปขอบขนานมีความยาวประมาณ 1 เซนติเมตร กลีบมี 5 กลีบ หลุดร่วงได้ง่าย และกลีบดอกยาวกว่ากลีบรองดอกประมาณ 2-3 เท่า และมีกลีบรูปไข่จำนวน 5 กลีบ บริเวณพื้นกลีบจะเห็นเส้นกลีบชัดเจน ที่ดอกมีเกสรตัวผู้ ขนาดแตกต่างกันจำนวน 10 อัน มีก้านอับเรณูโค้งงอขึ้น ดอกมักจะบานในช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคม แต่ก็มีบางกรณีที่ออกดอกนอกฤดูเหมือนกัน เช่น ในช่วงเดือนธันวาคมถึงเดือนมกราคม ผลราชพฤกษ์ หรือ ฝักราชพฤกษ์ (ฝักคูณ) ผลมีลักษะเป็นฝักรูปทรงกระบอกเกลี้ยง ๆ ฝักยาวประมาณ 20-60 เซนติเมตร และวัดเส้นผ่าศูนย์กลางได้ราว 2-2.5 เซนติเมตร ฝักอ่อนจะมีสีเขียว ส่วนฝักแก่จัดจะมีสีดำ ในฝักจะมีผนังเยื่อบาง ๆ กันอยู่เป็นช่อง ๆ ตามขวางของฝัก และในช่องจะมีเมล็ดสีน้ำตาลแบน ๆ อยู่ มีขนาดประมาณ 0.8-0.9 เซนติเมตร
นิเวศวิทยา:
ชอบแสงแดดจัดและทนแล้งได้ดี เจริญเติบโตได้ดีในดินทุกชนิด
การขยายพันธุ์:
การเพาะเมล็ด, การตอนกิ่ง, และการปักชำกิ่ง.
ส่วนที่ใช้:
ใบ, ดอก, ฝักแก่, เนื้อในฝัก, เมล็ด, เปลือกฝัก, เปลือกราก, ราก, แก่น, เปลือกและเนื้อไม้
สรรพคุณทางยา:
ใบระบายท้อง พอกแก้ปวดข้อ ดอกต้มดื่ม แก้ไข้ ระบายท้อง รักษาโรคกระเพาะอาหาร รากแก้กลากเกลื้อน แก่นขับพยาธิ เปลือกรากแก้ไข้มาลาเรีย ฝักอ่อนและแก่นใช้เป็นสีย้อมผ้า นิยมปลูกเป็นไม้ประดับ
ประโยชน์อื่นๆ:
ใช้ในงานก่อสร้าง ทำเสา ไม้ค้ำยัน หรือทำเฟอร์นิเจอร์