ข้อมูลพืชพรรณ

ชงโค

ชื่อวิทยาศาสตร์: Bauhinia purpurea L
ชื่อสามัญ: Purple bauhinia.
วงศ์: LEGUMINOSAE-CAESALPINIOIDEAE วงศ์ถั่ว วงศ์ย่อยราชพฤกษ์
ชื่ออื่นๆ:

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์:
ลำต้น ชงโค/เสี้ยว เป็นไม้ยืนต้นประเภทพลัดใบ มีลำต้นตั้งตรง ลำต้นสูงประมาณ 5-15 เมตร ลำต้นแตกกิ่งเป็นน้อย เปลือกลำต้นมีสีเทา ผิวเปลือกขรุขระ ใบชงโค เป็นพืชใบเลี้ยงคู่ แทงออกเป็นเดี่ยวสลับข้างกันบนข้อกิ่ง ใบมีสีเขียวอ่อนถึงเขียวสด ใบมีลักษณะค่อนข้างมน แผ่นใบ และขอบใบเรียบ โคนใบ และส่วนปลายจะหยักโค้งมนตรงกลาง ทำให้ใบแลดูคล้ายใบแฝดหรือคล้ายรูปไต ใบกว้างประมาณ 8 เซนติเมตร ยาวประมาณ 12 เซนติเมตร ใบอ่อนกางแผ่น้อยทำให้แลดูคล้ายปีกผีเสื้อ ส่วนการพลัดใบจะเริ่มพลัดใบไปเรื่อยตั้งแต่ช่วงเดือนธันวาคม และจะเริ่มแทงยอด และใบอ่อนเมื่อเข้าสู่ต้นฤดูฝนเดือนเมษายน-พฤษภาคม หลังจากนั้น จะเริ่มแทงช่อดอกออกมาทีหลัง และเริ่มติดฝัก ดอกชงโค เป็นดอกสมบูรณ์เพศ มีรูปร่างคล้ายดอกกล้วยไม้ ดอกออกเป็นช่อบริเวณซอกใบที่ปลายกิ่ง แต่ละช่อมี 5-10 ดอก ดอกประกอบด้วยกลีบดอก 5 กลีบ สีม่วงอมชมพู ภายในดอกมีเกสรตัวผู้ และเกสรตัวเมีย เมื่อดอกบาน ดอกจะส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ดอกสามารถออกได้ตลอดทั้งปี ผลหรือฝัก ชงโคมีลักษณะเป็นฝักคล้ายฝักถั่ว มีรูปร่างแบน ฝักมีขนปกคลุม ฝักมีขนาดกว้าง 1-2 ซม. ยาว 20-25 ซม. ฝักจะเริ่มทยอยติดตั้งแต่ช่วงเดือนกรกฎาคม จนแก่ในช่วงเดือนกันยายน ฝักแก่จะมีสีน้ำตาล และเมื่อแก่จัดจะมีสีดำ

นิเวศวิทยา:
ชอบแสงแดดจัด และสามารถเจริญเติบโตได้ดีในดินเกือบทุกชนิด ต้องการความชื้นสูง และต้องการน้ำในปริมาณที่เหมาะสม

การขยายพันธุ์:
การเพาะเมล็ด, และการตอนกิ่ง

ส่วนที่ใช้:
ใบ, ดอก, เปลือกต้น, ราก

สรรพคุณทางยา:
เปลือกต้นใช้แก้ท้องเสีย แก้บิด, ดอกใช้แก้พิษไข้ แก้ร้อนใน และเป็นยาระบาย, ใบใช้พอกแผลและรักษาอาการไอ, และรากใช้ขับลม

ประโยชน์อื่นๆ:
ไม้ประดับ: ชงโคเป็นไม้ประดับที่สวยงาม ปลูกง่าย และทนทานต่อสภาพอากาศ. ให้ร่มเงา: ชงโคเป็นไม้ที่มีทรงพุ่มสวยงาม สามารถให้ร่มเงาได้ดี. อาหารสัตว์: เกษตรกรบางส่วนใช้ยอดและฝักอ่อนของชงโคเป็นอาหารสัตว์.