มะกอกเกลื้อน
ชื่อวิทยาศาสตร์: Canarium subulatum Guill.
ชื่อสามัญ: Kenari
วงศ์: BURSERACEAE
ชื่ออื่นๆ:
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์:
ลำต้น : จัดเป็นไม้ยืนต้นผลัดใบขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ที่มีความสูงของต้นประมาณ 10-25 เมตร เรือนยอดกลม ลำต้นมีลักษณะตั้งตรง ตามกิ่งมีแผลใบเห็นชัดเจน กิ่งอ่อนมีขนสีน้ำตาลอมส้มขึ้นหนาแน่น
เปลือก : เปลือกต้นเป็นสีน้ำตาลหรือสีน้ำตาลอมเทาถึงเทาแก่ เปลือกต้นแตกเป็นสะเก็ดหรือแตกเป็นร่องตามยาว ส่วนเปลือกชั้นในเป็นสีน้ำตาลอ่อนมีขีดเส้นขาวๆ เมื่อสับจะมีน้ำยางสีขาวขุ่นหรือน้ำยางใส น้ำยางเมื่อแห้งจะเป็นสีน้ำตาลดำหรือสีดำ มีกลิ่นคล้ายน้ำมันสน
ใบ : เป็นใบประกอบแบบขนนก มีใบย่อย 2-5 คู่ มีตั้งแต่รูปค่อนข้างกว้าง จนกระทั่งรูปหอกกว้าง 3.5-11 ซม. ยาว 9-18 ซม. ด้านบนมีขนประปราย ที่เส้นกลางใบและขอบใบ ด้านล่างมีขนสั้น ๆทั่วไป ส่วนโคนใบของใบย่อยคู่ล่างสุดไม่เบี้ยว โคนใบย่อยคู่อื่นมักเบี้ยว ขอบใบหยักแบบซี่เลื่อยตื้น ๆ มีขนเป็นกระจุกเล็ก ๆ ตามรอยหยัก เส้นใบนูนเด่นชัดทางด้านล่าง
ดอก : ออกเป็นช่อตามง่ามใบ ช่อดอกเพศผู้และเพศเมียแยกกัน ช่อดอกเพศผู้ยาว 7-11 มม. มีขนทั่วไป กลีบรองกลีบดอกเชื่อมกันเป็นรูปถ้วย ยาว 2.5-3.5 มม . ขอบหยัก เกสรผู้ 6 อัน เกลี้ยง ในดอกเพศเมีย เกสรผู้มีขนาดเล็ก มีกลีบรองกลีบดอกรูปถ้วยเล็กๆ เชื่อมติดอยู่กับก้านช่อดอก
ผล : ผลเป็นช่อ ช่อหนึ่ง ๆ มักมีเพียง 1-4 ผล ผลรูปไข่หรือค่อนข้างกลม กว้าง 1.5-2 ซม. ยาว 2.7-3.5 ซม.
นิเวศวิทยา:
สามารถทนต่อแสงแดดได้ดี ชอบความชื้นปานกลาง
การขยายพันธุ์:
เพาะเมล็ด, และการตอนกิ่ง
ส่วนที่ใช้:
ผล, ราก, เปลือกต้น, แก่น, และยาง.
สรรพคุณทางยา:
ใช้เป็นยาแก้ไอ, ช่วยขับเสมหะ, แก้น้ำลายเหนียว, แก้อาการคัน
ประโยชน์อื่นๆ:
ใช้รักษาโรคลักปิดลักเปิด หรือ โรคเลือดออกตามไรฟัน
ชื่ออื่นๆ:
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์:
ลำต้น : จัดเป็นไม้ยืนต้นผลัดใบขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ที่มีความสูงของต้นประมาณ 10-25 เมตร เรือนยอดกลม ลำต้นมีลักษณะตั้งตรง ตามกิ่งมีแผลใบเห็นชัดเจน กิ่งอ่อนมีขนสีน้ำตาลอมส้มขึ้นหนาแน่น
เปลือก : เปลือกต้นเป็นสีน้ำตาลหรือสีน้ำตาลอมเทาถึงเทาแก่ เปลือกต้นแตกเป็นสะเก็ดหรือแตกเป็นร่องตามยาว ส่วนเปลือกชั้นในเป็นสีน้ำตาลอ่อนมีขีดเส้นขาวๆ เมื่อสับจะมีน้ำยางสีขาวขุ่นหรือน้ำยางใส น้ำยางเมื่อแห้งจะเป็นสีน้ำตาลดำหรือสีดำ มีกลิ่นคล้ายน้ำมันสน
ใบ : เป็นใบประกอบแบบขนนก มีใบย่อย 2-5 คู่ มีตั้งแต่รูปค่อนข้างกว้าง จนกระทั่งรูปหอกกว้าง 3.5-11 ซม. ยาว 9-18 ซม. ด้านบนมีขนประปราย ที่เส้นกลางใบและขอบใบ ด้านล่างมีขนสั้น ๆทั่วไป ส่วนโคนใบของใบย่อยคู่ล่างสุดไม่เบี้ยว โคนใบย่อยคู่อื่นมักเบี้ยว ขอบใบหยักแบบซี่เลื่อยตื้น ๆ มีขนเป็นกระจุกเล็ก ๆ ตามรอยหยัก เส้นใบนูนเด่นชัดทางด้านล่าง
ดอก : ออกเป็นช่อตามง่ามใบ ช่อดอกเพศผู้และเพศเมียแยกกัน ช่อดอกเพศผู้ยาว 7-11 มม. มีขนทั่วไป กลีบรองกลีบดอกเชื่อมกันเป็นรูปถ้วย ยาว 2.5-3.5 มม . ขอบหยัก เกสรผู้ 6 อัน เกลี้ยง ในดอกเพศเมีย เกสรผู้มีขนาดเล็ก มีกลีบรองกลีบดอกรูปถ้วยเล็กๆ เชื่อมติดอยู่กับก้านช่อดอก
ผล : ผลเป็นช่อ ช่อหนึ่ง ๆ มักมีเพียง 1-4 ผล ผลรูปไข่หรือค่อนข้างกลม กว้าง 1.5-2 ซม. ยาว 2.7-3.5 ซม.
นิเวศวิทยา:
สามารถทนต่อแสงแดดได้ดี ชอบความชื้นปานกลาง
การขยายพันธุ์:
เพาะเมล็ด, และการตอนกิ่ง
ส่วนที่ใช้:
ผล, ราก, เปลือกต้น, แก่น, และยาง.
สรรพคุณทางยา:
ใช้เป็นยาแก้ไอ, ช่วยขับเสมหะ, แก้น้ำลายเหนียว, แก้อาการคัน
ประโยชน์อื่นๆ:
ใช้รักษาโรคลักปิดลักเปิด หรือ โรคเลือดออกตามไรฟัน
-- ยังไม่มีรูปประกอบ --